หนังเป็นวัสดุที่ยั่งยืนและใช้งานได้หลากหลาย ใช้ในผลิตภัณฑ์หลากหลายประเภท ตั้งแต่เฟอร์นิเจอร์ไปจนถึงแฟชั่น หนังถูกนำมาใช้ทำรองเท้าอย่างกว้างขวาง นับตั้งแต่ก่อตั้งเมื่อสามสิบปีก่อนลานซีได้ใช้หนังแท้ในการผลิตรองเท้าผู้ชาย อย่างไรก็ตาม หนังแต่ละเกรดก็ไม่ได้เหมือนกันเสมอไป การทำความเข้าใจเกี่ยวกับเกรดหนังที่แตกต่างกันจะช่วยให้ผู้บริโภคตัดสินใจได้อย่างชาญฉลาดโดยพิจารณาจากคุณภาพ ความทนทาน และงบประมาณ ต่อไปนี้คือภาพรวมของเกรดหนังหลักๆ และความแตกต่างของแต่ละเกรด
1. หนังแท้แบบฟูลเกรน
คำนิยาม:หนังฟูลเกรนเป็นหนังคุณภาพสูงสุดที่มีจำหน่าย หนังชนิดนี้ใช้ชั้นบนสุดของหนังสัตว์ เพื่อรักษาลายไม้และตำหนิตามธรรมชาติ
ลักษณะเฉพาะ:
- ยังคงรักษาเอกลักษณ์และพื้นผิวตามธรรมชาติของหนังไว้ ทำให้แต่ละชิ้นมีความเป็นเอกลักษณ์เฉพาะตัว
- ทนทานเป็นพิเศษและมีสีสนิมที่สวยงามขึ้นตามกาลเวลา
- ระบายอากาศได้ดีและทนทานต่อการสึกหรอ
การใช้งานทั่วไป:เฟอร์นิเจอร์ไฮเอนด์ กระเป๋าถือสุดหรู และรองเท้าระดับพรีเมียม
ข้อดี:
- กระบวนการชราที่ยาวนานและสวยงาม
- แข็งแรงทนทานต่อการเสียหาย
ข้อเสีย:
- แพง.
2. หนังชั้นบน
คำนิยาม:หนังชั้นบนยังทำมาจากชั้นบนสุดของหนัง แต่จะมีการขัดหรือเคลือบเงาเพื่อขจัดจุดบกพร่อง ทำให้ดูเรียบเนียนและสม่ำเสมอมากขึ้น
ลักษณะเฉพาะ:
- บางกว่าเล็กน้อยและยืดหยุ่นได้มากกว่าหนังฟูลเกรน
- ได้รับการเคลือบสารป้องกันคราบสกปรก
การใช้งานทั่วไป:เฟอร์นิเจอร์ระดับกลาง กระเป๋าถือ และเข็มขัด
ข้อดี:
- ดูโฉบเฉี่ยวและเงางาม
- ราคาถูกกว่าหนังฟูลเกรน
ข้อเสีย:
- มีความทนทานน้อยลงและอาจไม่เกิดคราบ
3. หนังแท้
คำนิยาม:หนังแท้ทำจากชั้นหนังที่เหลืออยู่หลังจากลอกชั้นบนออกแล้ว มักผ่านกระบวนการปรับสภาพ ย้อมสี และปั๊มลายเพื่อให้เลียนแบบหนังคุณภาพสูง
ลักษณะเฉพาะ:
- ราคาถูกกว่าและทนทานน้อยกว่าหนังชั้นบนและหนังฟูลเกรน
- ไม่เกิดคราบและอาจแตกร้าวได้ตามกาลเวลา
การใช้งานทั่วไป:กระเป๋าสตางค์ เข็มขัด และรองเท้า ราคาประหยัด
ข้อดี:
- ซื้อได้.
- มีให้เลือกหลายรูปแบบและหลายสี
ข้อเสีย:
- อายุการใช้งานสั้น
- คุณภาพต่ำกว่าเกรดที่สูงกว่า
4. หนังผูกมัด
คำนิยาม:หนังผูกติดกันทำจากเศษหนังและวัสดุสังเคราะห์ที่ยึดติดกันด้วยกาวและเคลือบด้วยโพลียูรีเทน
ลักษณะเฉพาะ:
- มีหนังแท้อยู่เพียงเล็กน้อย
- มักใช้เป็นทางเลือกแทนหนังแท้ที่คุ้มต้นทุน
การใช้งานทั่วไป:เฟอร์นิเจอร์และของตกแต่งราคาประหยัด
ข้อดี:
- ซื้อได้.
- รูปลักษณ์ที่สม่ำเสมอ
ข้อเสีย:
- ทนทานน้อยที่สุด
- มีแนวโน้มที่จะลอกและแตกได้ง่าย
5. หนังแยกและหนังกลับ
คำนิยาม:หนังแยกชั้น (Split leather) คือชั้นล่างสุดของหนังหลังจากที่เอาชั้นเกรนชั้นบนออกแล้ว เมื่อผ่านกระบวนการแล้วจะกลายเป็นหนังกลับ (suede) ซึ่งเป็นหนังที่นุ่มและมีพื้นผิวสัมผัส
ลักษณะเฉพาะ:
- หนังกลับมีพื้นผิวคล้ายกำมะหยี่แต่ขาดความทนทานเมื่อเทียบกับเกรดที่สูงกว่า
- มักได้รับการปรับปรุงเพื่อปรับปรุงความต้านทานต่อน้ำ
การใช้งานทั่วไป: รองเท้า กระเป๋า และเครื่องเบาะ
ข้อดี:
- เนื้อสัมผัสที่นุ่มนวลและหรูหรา
- มักจะมีราคาถูกกว่าหนังชั้นบนหรือหนังฟูลเกรน
ข้อเสีย:
- เสี่ยงต่อการเกิดรอยเปื้อนและความเสียหาย
การเลือกหนังให้เหมาะกับความต้องการของคุณ
เมื่อเลือกหนัง ควรพิจารณาถึงวัตถุประสงค์การใช้งาน งบประมาณ และความทนทานที่ต้องการ หนังฟูลเกรนเหมาะอย่างยิ่งสำหรับความหรูหราที่คงทนยาวนาน ในขณะที่หนังท็อปเกรนให้ความสมดุลระหว่างคุณภาพและราคาที่เอื้อมถึง หนังแท้และหนังบอนด์เหมาะสำหรับผู้ซื้อที่คำนึงถึงราคา แต่ก็ต้องแลกมาด้วยความทนทาน
เมื่อเข้าใจเกรดเหล่านี้แล้ว คุณจะสามารถเลือกผลิตภัณฑ์หนังที่เหมาะสมกับความต้องการและความคาดหวังของคุณได้
เวลาโพสต์: 30 พ.ย. 2567



